Sunday, October 23, 2011

วิธีตรวจสอบและซ่อมแซมรั้วคอนกรีตหลังน้ำลด

ภาพประกอบจาก baansanruk.blogspot.com

ปัญหาที่อาจจะเกิดกับรั้วคอนกรีตของเรา หลังจากเกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วม อาจจะทำให้ดินที่ฐานรั้วอ่อนตัวลง ความสามารถในการรับน้ำหนักก็อาจจะน้อยลง หรือระดับที่ดินในบ้านกับนอกบ้านจะมีระดับแตกต่างกัน ยามเมื่อน้ำลดลงอาจจะเกิดแรงดูด ซึ่งจะทำให้รั้วเกิดการเอียงไปบ้างก็ได้ หรือในขณะที่น้ำท่วมรั้วอยู่นั้นก็อาจจะช่วยทำหน้าที่เป็น "เขื่อน" ที่ต้องรับน้ำหนักอันมหาศาลของน้ำ ความสามารถในการรับน้ำหนักอาจอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพ ความแข็งแรงทนทานก็จะลดลงไปได้ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจควรตรวจสอบและหาแนวทางแก้ไขดังนี้

1. ลองใช้สายตาของเราเองเล็งดูว่ารั้วยังคงตั้งฉากอยู่ดีหรือไม่ หากพบว่ามีการเอียงเล็กน้อยก็หาที่แข็งแรงไม้ค้ำยันด้านที่เอียงออก เอาไว้ก่อนหาพร้อมที่จะทำการซ่อมแซมเมื่อไหร่ก็รีบซ่อมทันที

2. หากตรวจสอบแล้วปรากฏว่ารั้วเอียงมาก เอียงจนแนวออกหรือจะออกนอกแนวศูนย์ถ่วง ต้องรีบทำการซ่อมแซมทันทีโดยช่างก่อสร้างที่มีความชำนาญ หากยังไม่พร้อมที่จะทำการซ่อมแซมในทันที ควรต้องรีบหาไม้ที่มีความแข็งแรงมาค้ำยันไว้อย่างแน่นหนามาก ๆ เพราะน้ำหนักรั้วที่แข็งแรงนั้นจะมีน้ำหนักมาก เพราะไม่เช่นนั้นรั้วอาจจะพังลงมาได้

3. หากเป็นรั้วที่มีคานคอดิน ซึ่งหมายถึงคานตัวล่างสุดที่อยู่ใกล้ระดับดิน ทำการรับน้ำหนักของรั้วอยู่ พอน้ำลดลง น้ำอาจพาดินใต้คานคอดินออกไปด้วย ก็จะเกิดรูโพรงใต้คานรั้ว อันอาจจะเป็นเหตุให้สัตว์ต่าง ๆ เข้าไปในบ้านได้ หรือไม่ก็ทำให้ดินภายในบริเวณบ้านไหลออกไปสู่ทางสาธารณะได้เรื่อย ๆ ในภายหลัง เราควรจะหาดินมาเติมอัดกลับเข้าไปให้คงสภาพเดิม

4. นอกจากจะทำการตรวจดูที่รั้วบ้านแล้ว ควรจะต้องตรวจดูที่ประตูรั้วด้วย เพราะประตูรั้วส่วนใหญ่จะทำด้วยเหล็ก หรือไม้ แต่หากเป็นวัสดุพวกอัลลอยด์ไม่ค่อยจะมีปัญหาซักเท่าไหร่ ยกเว้นบริเวณบานพับหรือกลอนเท่านั้นที่อาจจะทำมาจากเหล็ก อาจจะมีอาการผุกร่อนได้ ทำให้บานประตูไม่สามารถปิดเปิดได้เหมือนเดิม หรือบางทีอาจจะหลุดออกมาทั้งบานได้ ดังนั้นควรทำการผูกรัดให้แข็งแรงเสีย หรือรีบทำการซ่อมแซมทันทีที่พร้อม

Monday, July 18, 2011

เทคนิคการเลือกใช้ก๊อกน้ำภายในบ้าน


เทคนิคการเลือกใช้ก๊อกน้ำภายในบ้าน
ก๊อกน้ำถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญภายในบ้านแล้วยังเป็นของตกแต่งบ้านเพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับบ้านได้อีกด้วย เพราะด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์และราคาที่แตกต่างกันไป ก๊อกน้ำที่ใช้งานในบ้าานแต่ละจุดจึงไม่เหมือนกัน ซึ่งจะแล้วแต่ประโยชน์ใช้สอยในหลายๆ กิจกรรมภายในบ้าน ก๊อกน้ำจะถูกแบ่งตามประเภทการใช้สอยได้ดังนี้คือ

1. ก๊อกสำหรับอ่างล้างหน้า เอาไว้ใช้ภายในห้องน้ำจะมี 3 ชนิดคือ ก๊อกเดี่ยว ก๊อกผสมรูเดี่ยว และก๊อกผสมเซ็นเตอร์

2. ก๊อกอาบน้ำ เป็นก๊อกที่ใช้ในห้องน้ำ เช่น ฝักบัว การเลือกใช้ฝักบัวสายอ่อนจะทำให้ก๊อกน้ำจะหมุนได้รอบตัว สายฝักบัวจะไม่บิดงอเวลาอาบน้ำ

3. ก๊อกซิงค์ เป็นก๊อกที่ต่อกับซิงค์น้ำในครัว หรือตามเคาน์เตอร์บาร์ มีทั้งแบบที่เปิดใช้น้ำเย็นอย่างเดียวหรือทั้งน้ำร้อน-น้ำเย็น

4. ฟลัชวาล์ว เป็นก๊อกน้ำที่ทำงานเกือบกึ่งอัตโนมัติ ใช้ประกอบกับโถส้วม และโถปัสสาวะ เมื่อเปิดน้ำโดยการเปิดฟลัช น้ำจะหยุดไหลเองโดยอัตโนมัติ

5. ก๊อกน้ำชำระ

6. ก๊อกเดี่ยว ใช้ ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ มักจะนิยมต่อไว้ภายนอกบ้าน

คุณสมบัติของก๊อกน้ำที่มีคุณภาพ

1. ต้องทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี และควรทำจากมาทองเหลือง

2. เคลือบด้วยโครเมี่ยม มีลักษณะเป็นมันวาว ทนทานต่อสารเคมีและรอยขีดข่วนได้ดี

3. มีซิลยางและแหวนยางในตัวก๊อก เพราะจะทนต่อการใช้งาน ไม่มีการรั่วซึม

4. หัวก๊อกฝักบัวที่ดีควรมีการป้องกันการบิดงอของสาย โดยหัวก๊อกจะต้องหมุนได้ 380 องศา

5. ก๊อกน้ำที่ประหยัดน้ำ จะต้องมีระบบการเปิดปิดเพียงรอบเดียวเท่านั้น

Tuesday, July 12, 2011

ต้องพิจารณาอะไรบ้างหากเลือกติดตั้งตู้ "Built in"


เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกติดตั้งตู้ "Built in" ก็เพื่อความสวยงามและประหยัดพื้นที่ภายในบ้าน แต่ยังมีอีกหลายปัญหาที่คุณยังไม่รู้หากคุณยังไม่ได้ใช้งานจริงๆ วันนี้เราจึงมีข้อที่ควรพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลือกติดตั้งตู้แบบ "Built in" มาฝาก ลองนำไปพิจารณาดูเพื่อจะได้ตู้แบบ "Built in" ที่ลงตัวและได้ดั่งใจคนใช้งานจริงๆ

1. ตู้แบบ "Built in" สามารถติดตั้งได้ทุกๆ ส่วนของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวผนังเรียบ, มุมห้อง, ผนังโค้ง หรือบนเพดาน และสามารถออกแบบได้หลากหลายตามความชอบของแต่ละคน

2. ทำให้เกิดความสวยงามและทำความสะอาดได้ง่าย เพราะตู้แบบ " Built in " จะไม่มีซอกหลืบระหว่างผนังกับตู้ หรือใต้ตู้กับพื้นห้อง

3. ในการเลือกจัดวางตำแหน่งตู้แบบ " Built in " หากเลือกได้ลงตัวจะช่วยให้ภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น

4. ตู้แบบ "Built in" สามารถออกแบบเพื่อให้เก็บสิ่งของได้หลากหลายขึ้น และตรงกับจุดประสงค์ที่ใช้งานได้มากกว่า ซึ่งต้องเลือกออกแบบไว้ใช้เก็บหนังสือ,เสื้อผ้า,ของเล่นเด็กๆ,รองเท้า,
ของจิปาถะทั่วไป หรือของที่มีไว้โชว์ก็ได้

5. หากมีความต้องการที่จะติดตั้งไฟฟ้าในตู้แบบ "Built in" ควรมีการออกแบบตั้งแต่แรก เพราะหากคิดจะมาติดตั้งไฟฟ้าในภายหลัง จะทำได้ลำบาก และอาจดูไม่สวยงามมากนัก

6. หากเลือกใช้ตู้แบบ "Built in" จะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานในภายหลังอีกแล้ว เพราะเป็นเรื่องยากมากหากจะทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบหลังจากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว

7. การทำ "Built in" จะส่งผลกระทบต่อบริเวณผนังที่ทำการติดตั้ง เช่น ห้องที่ติด Wall Paper มีบัวเชิงผนังแล้ว หากมีการทำ "Built in" จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดความเสียหายได้

8. เรื่องสุดท้าย คือเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งจะต้องมีมากกว่าตู้แบบสำเร็จที่ยกมาตั้งได้เลย และในการติดตั้งอาจจะไปกระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆ ของบ้าน อาจจะทำให้ต้องเสียค่าซ่อมแซมในส่วนอื่นๆ ตามมาอีก

Friday, July 8, 2011

วิธีทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมัน


พรมปูพื้นในบ้านไม่ว่าห้องนอนหรือห้องรับแขก หากเปื้อนคราบน้ำมันแล้วเป็นเรื่องยากที่กำจัดออกไปได้ ขืนเราเอาไปซักเองนอกจากคราบน้ำมันจะไม่ออกแล้วยังจะทำให้พรมเสียหายได้ วิธีที่จะทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมันนั้น คุณสามารถทำได้ด้วยการนำเบกกิ้งโซดามาเทลงตรงบริเวณทีเปื้อนคราบน้ำมัน แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง ทีนี้คุณก็นำเครื่องดูดฝุ่นไปดูดตรงบริเวณรอยเปื้อนน้ำมันนั้น แล้วคุณจะพบว่าคราบก็จะติดผงเบกกิ้งโซดาที่ดูดออกไปจนหมด หรืออาจจะจางลงไปได้ นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมันได้และไม่ไปทำลายพรมแสนสวยของคุณ

Tuesday, July 5, 2011

วิธีแก้ปัญหาพื้นลื่นและมีน้ำขัง


ก็อย่างที่เคยพูดไว้ว่าหน้าฝนทีไร บ้านมักจะเจอปัญหาจุกจิกตลอดเดี๋ยวฝนสาด เดี๋ยวน้ำขัง ต้องตามแก้ปัญหานั้นทีแก้ปัญหานี้ที แต่ทำไงได้ล่ะก็บ้านของเราเอง ยังไงเราก็ต้องอยู่กับมันเกือบทั้งครึ่งหนึ่งของชีวิตเราเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆ แก้ปัญหากันไปทีละเรื่องก็แล้วกัน อย่างวันนี้ก็เหมือนกันฝนตกมาชนิดไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว ปัญหาที่พบอีกก็คือปัญหาพื้นลื่นแถมมีน้ำขัง เรามาดูวิธีแก้ปัญหาพื้นลื่นและมีน้ำขังกันดีกว่าค่ะ

วิธีแก้ปัญหาพื้นลื่น หากพื้นผิวสัมผัสที่เรียบเกินไปอย่างเช่น กระเบื้อง หิน คอนกรีต ถ้าจะเอาแบบทันใจก็ต้องด้วยวิธีการติดแถบหรือเคลือบน้ำยากันลื่น ส่วนพื้นทางเดินในสวนที่เกิดตะไคร่น้ำ ให้ใช้น้ำยากำจัดตะไคร่น้ำช่วยขัด ก็จะขัดออกได้ง่ายขึ้น แล้วยังช่วยชะลอการเกิดตะไคร่ขึ้นใหม่ด้วย หรือจะแก้ไขด้วยการปูด้วยแผ่นพื้นไม้สำเร็จรูปที่ถอดประกอบได้และมีน้ำหนักเบา โดยเลือกชนิดโครงรองพื้นเป็นพลาสติก ก็จะระบายน้ำและความชื้นได้ดี หากต้องการแก้ปัญหาให้หมดแบบถาวรไปเลย ก็คือหากเป็นพื้นที่อยู่ภายนอกควรใช้วัสดุที่มีลักษณะผิวหยาบปูสลับกับผิวมัน หรือจะออกแบบแนวกันลื่นด้วยการทำผิวทางล้าง กรวดล้าง แล้วเคลือบด้วยน้ำยากันซึม ซึ่งหากการเปลี่ยนวัสดุปูพื้นใหม่ก็ไม่ควรปูทับของเดิม เพราะจะทำให้การยึดเกาะไม่ดี แล้วยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้พื้นมากเกินไป

ส่วนปัญหาน้ำขัง สาเหตุส่วนใหญ่อาจจะเกิดจากพื้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทางระบายน้ำ พื้นทรุด พื้นไม่ลาดเอียง หรือไม่มีทางระบายน้ำ หากเป็นพื้นที่มีน้ำขังมากก็มีความจำเป็นที่จะต้องสกัดผิวหน้าพื้นเดิมออก แล้วเทพื้นใหม่เพื่อปรับระดับ โดยทำพื้นลาดเอียงอย่างน้อย 1 : 200 ไปยังทางระบายน้ำ ทีนี้เราก็จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปัญหาพื้นลื่นและมีน้ำขังให้หมดไปได้ แล้วจะได้มีเวลาไปแก้ปัญหาในจุดอื่นๆ อีกต่อไป 555

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, July 3, 2011

วิธีกำจัดหยากไย่ใยแมงมุม


บ้านที่สะอาดไม่ได้หมายความว่าแค่เช็ดถือพื้นอย่างเดียวก็จะสะอาดแล้ว ควรแหงนขึ้นไปดูบนเพดานหรือว่าตามซอกหลืบด้วยว่ามีหยากไย่หรือใยของแมงมุมบ้างหรือเปล่า การกำจัดใยแมงมุมดูอาจจะเป็นเรื่องง่าย กำจัดแล้วกำจัดอีกบางครั้งก็กำจัดได้ไม่หมด แต่หากเรากำจัดไปหมดแล้วมันก็ยังจะกลับมาชักใยใหม่เหมือนเดิม วันนี้เรามีวิธีกำจัดหยากไย่ใยแมงมุมมาฝาก

สำหรับหยากไย่ที่อยู่ภายในบ้าน ในการจะเริ่มกำจัดหยากไย่สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ ให้หาผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้ดีก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เศษหยากไย่ร่วงลงมาโดน แล้วก็เริ่มมองหาจุดที่หยากไย่ขึ้น แต่ถ้าหากอยู่ในที่สูงให้หาเก้าอี้มาช่วย เลือกเก้าอี้ตัวที่มีความแข็งแรงและมั่นคงเพื่อความปลอดภัย แล้วก็สังเกตุดูว่าบนหยากไย่ยังมีตัวแมงมุม หรือ แมลงอื่น ๆ ที่มีชีวิตติดอยู่กับใยแมงมุมหรือไม่ หากว่ามีเราต้องกำจัดก่อนโดยหาไม้กวาดเล็ก ๆ หรือ ผ้าขี้ริ้วมาช่วยกำจัดออกไปให้หมด ทั้งตัวและไข่ ควรเช็คตามซอกหลืบหรือรอยแตกตามซอกผนังด้วย เพราะถ้าหากกำจัดไม่หมด สัตว์ตัวเล็กเหล่านี้ก็จะกลับมาสร้างใยขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อกำจัดเสร็จแล้วก็ใช้ไม้กวาดสำหรับกวาดหยากไย่ซึ่งจะเป็นไม้กวาดด้ามยาวๆ นำไปชุบน้ำก่อน เพราะจะช่วยทำให้ติดหยากไย่ได้ดียิ่งขึ้น แล้วยังช่วยไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เอาไปกวาดบริเวณที่หยากไย่ขึ้นแค่นี้หยากไย่ก็จะหลุดติดไม้กวาดออกมาอย่างง่ายดาย หากเป็นหยากไย่ที่ขึ้นบริเวณนอกบ้าน ก็เพียงแค่ใช้สายยางฉีดตรงที่มีหยากไย่ขึ้น หยากไย่ก็จะหลุดไปเอง วิธีนี้ก็จะสามารถกำจัดหยากไย่ให้สิ้นซาก ทีนี้หยากไย่ก็จะหมดไปจากบ้านเราแล้วค่ะ

Friday, July 1, 2011

วิธีแก้ปัญหาฝนสาดเข้าหน้าต่าง


หน้าฝนทีไรมีปัญหากลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องฝนสาดเข้าหน้าต่าง ตอนเช้าตื่นขึ้นมาไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกซักนิด เลยเปิดหน้าต่างรับแสงเพราะช่วงหน้าฝนแบบนี้บ้านมักจะเหม็นกลิ่นอับ แต่พอสายหน่อยเท่านั้นแหละฝนเทมาอย่างกับฟ้ารั่ว บางครั้งแถมด้วยลมพัดกรรโชกแรงๆ วิ่งปิดหน้าต่างกันเกือบไม่ทันจนบางทีได้พื้นเปียกๆ เป็นของแถมอีกด้วย เพราะฝนสาดเข้าทางหน้าต่างแล้วยังมีซึมเข้าตามขอบหน้าต่างอีกต่างหาก สำหรับปัญหาเช่นนี้เรามีวิธีแก้ไขได้แบบทันใจมาฝาก ด้วยการให้ช่างมาติดตั้งอุปกรณ์ช่วยปิดเปิดหน้าต่าง ที่สามารถปิดได้โดยไม่ต้องเปิดมุ้งลวด หรือจะทำการติดขอบยางรอบหน้าต่าง ก็ป้องกันน้ำซึมเข้ามาได้ก็จะเป็นวิธีที่ดี

แต่สำหรับวิธีแก้ไขแบบสบายใจถาวร ก็คือให้ช่างมาทำกันสาดยื่นออกไปอีกประมาณ 1-1.50 เมตร และส่วนด้านข้าง ทำกว้างกว่าขอบหน้าต่างข้างละอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันฝนสาดเข้าด้านข้างได้ ส่วนช่องระบายอากาศ หรือหน้าต่างที่มักจะเปิดค้างไว้ ควรจะทำเป็นบานเกล็ดหรือบานกระทุ้ง เพราะจะป้องกันฝนสาดได้ดีกว่าแบบอื่นๆ ส่วนการทำแผงไม้ระแนงด้านที่มีลมแรงมากๆ ก็จะช่วยชะลอแรงลมและความแรงของสายฝนไม่ให้สาดเข้าถึงตัวบ้านได้

Thursday, June 30, 2011

วิธีทำความสะอาดฝักบัวอาบน้ำ


ฝักบัวอาบน้ำเมื่อเราใช้ไปนานๆ จะพบว่ามีคราบตะกอนลักษณะเหมือนคราบหินปูนมาเกาะอยู่ตรงบริเวณน้ำไหลออก ทำให้ฝักบัวอุดตันน้ำไหลออกมาไม่สะดวก สำหรับวิธีทำความสะอาดฝักบัวอาบน้ำที่มีคราบตะกอนติดอยู่นั้นทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เราถอดฝักบัวออกมาแช่ในน้ำส้มสายชู แต่หากว่าเป็นฝักบัวชนิดที่ไม่สามารถถอดออกได้ ให้หาถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูพอประมาณ แล้วนำฝักบัวใส่ลงไปแช่ในถุงนั้นแล้วผูกปากถุงให้แน่น แช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน นำฝักบัวออกมาล้างให้สะอาด เพียงแค่นี้เราก็จะมีฝักบัวที่สะอาดปราศจากคราบตะกอน และยังไม่มีการอุดตันของคราบตะกอนอีกด้วย ทีนี้เราก็จะได้อาบน้ำอย่างสบายใจแล้วค่ะ

Wednesday, June 29, 2011

วิธีทำความสะอาดกระจกเงาให้ใส


กระจกเงาสำหรับส่องหน้าเวลาใช้ไปนานๆ แล้วไม่ค่อยได้ทำความสะอาดบ่อย มักจะมีคราบครีม คราบโลชั่นต่างๆ ที่กระเด็นไปโดน หากปล่อยทิ้งไว้นาน กระจกก็จะขุ่นมัวไม่ใสเงางามเหมือนเดิม พอมาเช็ดทำความสะอาดอีกทีทำยังไงก็ไม่ใสสะอาด ต่อไปนี้จะไม่เป็นปัญหาอีกแล้ว เพราะเรามีวิธีการทำความสะอาดกระจกเงาส่องหน้าให้ใสปิ๊งมาฝาก เพียงแค่นำยาสีฟันชนิดครีมมาบีบทาบริเวณกระจก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดมาเช็ดยาสีฟันที่เราทาทิ้งไว้บนกระจก โดยใช้ผ้าถูยาสีฟันให้ทั่วๆกระจก แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดคราบยาสีฟันออกอีกทีหนึ่ง เพียงแค่นี้เราก็จะได้กระจกเงาที่ดูเงางามเป็นประกายทันที เวลาส่องกระจกไม่ว่าจะเอียงซ้ายหรือเอียงขวา รับรองหล่อสวยขึ้นทันตาเลย

Monday, June 27, 2011

วิธีทำกำจัดคราบน้ำมันติดบนวอลล์เปเปอร์


วอลล์เปเปอร์ลายสวยๆ บนผนังบ้านมีคราบกระเด็นเลอะเป็นจุดๆ แทนที่จะสวยกับดูเลอะเทอะไม่น่ามอง หาวิธีแก้ไขตั้งนานกว่าจะค้นพบว่าวิธีทำความสะอาดคราบน้ำมันออกจากวอลล์เปเปอร์ได้โดยง่าย เพียงแค่ใช้แป้งฝุ่นที่เราใช้ทาตัวเด็กมาผสมกับน้ำยาทำความสะอาด นำส่วนผสมนี้ไปป้ายตรงจุดที่น้ำมันกระเด็นใส่ แล้วปล่อยทิ้งไว้รอจนกว่าจะแห้ง จากนั้นจึงใช้ผ้านุ่มๆ ที่สะอาดมาเช็ดแป้งออก คราบน้ำมันที่ติดวอลล์เปเปอร์ก็จะหลุดติดแป้งออกมาด้วย ทีนี้วอลล์เปเปอร์แสนสวยของเราก็จะกลับมาโชว์ลายสวยๆ เหมือนเดิมแล้วค่ะ

Sunday, June 26, 2011

วิธีทำความสะอาดม่านห้องน้ำ


ม่านห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้อย่างดีเลยทีเดียว ถ้าเราไม่รู้จักรักษาความสะอาด ถ้าหากเรามีแผลตามผิวหนังแล้วยิ่งเป็นอันตราย หากเราต้องอาบน้ำในห้องน้ำที่มีม่านกั้นห้องอาบน้ำสกปรก วันนี้เรามีวิธีทำความสะอาดม่านห้องน้ำมาฝาก ม่านห้องน้ำที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มักจะทำมาจากพลาสติกและผ้าใยสังเคราะห์ เรามาดูผ้าม่านแต่ละชนิดว่ามีวิธีทำความสะอาดอย่างไรกันดีกว่าค่ะ

- ม่านห้องน้ำที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ ควรจะซักด้วยมือ โดยผสมน้ำยาซักผ้ากับน้ำอุ่น จากนั้นนำผ้าม่านลงไปแช่ทิ้งไว้ซัก 20 นาที ก่อนจะขยี้ด้วยมือเบาๆ เสร็จแล้วนำไปล้างน้ำเปล่าให้สะอาด นำผ้าไปตากให้แห้ง จากนั้นนำผ้าม่านไปรีดด้วยความร้อนปานกลาง แค่นี้ก็จะได้ผ้าม่านผืนใหม่ที่สะอาดและไม่ยับยู่ยี่แล้วค่ะ คำแนะนำม่านห้องน้ำที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ควรหมั่นซักอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา

- สำหรับม่านห้องน้ำที่เป็นผ้าม่านพลาสติก ควรนำไปซักด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าที่ผสมน้ำอุ่น วิธีที่ซักสะดวกที่สุดก็คือ ปูผ้าพลาสติกลงบนลานซักล้าง แล้วเทน้ำสบู่ผสมน้ำอุ่นลงไปใช้ฟองน้ำหุ้มใยผ้าที่เราใช้สำหรับล้างแก้ว ขัดบนม่านพลาสติกเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นอีกที จากนั้นจึงใช้สายยางฉีดน้ำล้างคราบออกให้หมด นำไปตากลมให้แห้งดีกว่านำไปตากแดด เพราะจะทำให้สีผ้าม่านซีดจางลงไปได้

ไม่ว่าเราจะใช้ผ้าม่านห้องน้ำที่ทำมาจากอะไรก็ตาม ทางที่ดีเราควรหมั่นทำความสะอาดผ้าม่านประมาณอาทิตย์ละ 1 ครั้ง จึงจะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราบนผ้าม่านได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรักควรต้องใส่ใจกับการทำความสะอาดห้องน้ำและผ้าม่านห้องน้ำด้วยนะคะ

Saturday, June 25, 2011

หลักของการตั้งศาลพระภูมิที่ควรระวัง


หลักของการตั้งศาลพระภูมิที่ควรระวังคือ

- การตั้งศาลพระภูมิอย่าให้เงาของบ้านตกทับศาลหรือว่าเงาของศาลตกทับบ้าน เพราะมีความเชื่อกันว่าจะทำให้บ้านหลังนั้นถูกวิญญาณเข้ามาเบียดเบียน ซึ่งก็คล้ายๆ หลักฮวงจุ้ยของจีนที่ไม่ให้มีสระอยู่หน้าบ้าน เพราะเมื่อแสงพระอาทิตย์ส่องกระทบกับผิวน้ำจะสะท้อนเข้าบ้านจะให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านร้อนรุ่มมีแต่ปัญหา

- อย่าให้หน้าของศาลพระภูมิหันตรงเข้าสู่ตัวบ้าน เพราะจะทำให้เกิดความวิบัติ ซึ่งจะไปตรงกับความเชื่อของจีนที่ว่า ไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่หรือว่าเสาไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน จะถือว่าเป็นธูปก้านเดียวซึ่งเป็นสิ่งอัปมงคล เพราะธูปก้านเดียวมีไว้สำหรับไหว้ผี จะทำให้บ้านมีปัญหาทำมาค้าขายไม่ขึ้น

- จะต้องไม่ยกเสาในวันที่เป็นวันกาลกิณีของเจ้าบ้าน ห้ามวันอุบาทว์ วันโลกาวินาศ วันดิถีมหาศูนย์ ซึ่งในทางโหราศาสตร์ใช้ฤกษ์ภูมิปาโลฤกษ์ อันเป็นฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิโดยเฉพาะ

- ในการที่จะตั้งศาล จะต้องทำพิธีการตั้งโดยพราหมณ์เท่านั้น การเชิญวิญญาณให้มาคุ้มครองสถานที่นั้นๆ จะแตกต่างกันออกไป เช่น ศาลพระภูมินา ศาลพระภูมิสวน ศาลพระภูมิบ้าน หรือศาลพระภูมิร้านค้า (ควรตั้งสูงจากพื้นดิน คือเสาของศาลต้องปักลงดินเท่านั้นแหละอยู่สูงในระดับสายตาหรือเหนือศีรษะ เล็กน้อย)

- ต้องตั้งบริเวณพื้นดิน จะต้องไม่เป็นส่วนบริเวณเดียวของตัวบ้าน หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน ก็สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่

Tuesday, June 21, 2011

วิธีเลือกเครื่องนอนเเพื่อป้องกันไรฝุ่น


ไรฝุ่น เป็นสัตว์ประเภท "แมง" มีขา 8 ขา จัดอยู่ในจำพวกเดียวกับแมงมุม เห็บ หิดและตัวไรชนิดอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อันตรายจากไรฝุ่นนอกจะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้แล้ว ยังก่อให้เกิดอาการของโรคหอบหืด โรคโพรงจมูกอักเสบ และโรคผื่นแพ้ที่ผิวหนังได้ เรามาดูวิธีเลือกเครื่องนอนเพื่อป้องกันไรฝุ่นมาใช้กันดีกว่าค่ะ

1. หมอน ควรเลือกที่ทำมาจากใยสังเคราะห์ เช่นโพลีเอสเตอร์ ไม่ควรใช้หมอนที่ทำมาจากนุ่นหรือฟองน้ำ และควรหุ้มด้วยผ้ากันไรฝุ่นอีกชั้นหนึ่งก่อนใส่ปลอก
2. ผ้านวม ควรเลือกแบบที่ไส้เป็นไยสังเคราะห์และสามารถนำไปซักน้ำร้อนได้
3. ผ้าห่ม ควรเลือกชนิดบาง ซักน้ำร้อนได้ แห้งเร็ว ไม่ควรใช้ผ้าห่มที่ทำมาจากขนสัตว์ หรือผ้าขนหนูหนาๆ เพราะจะยิ่งเป็นที่สะสมไรฝุ่น
4. ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน ควรเลือกเนื้อผ้าที่เป็นผ้าฝ้ายล้วนเพราะสามารถนำมาซักน้ำร้อนได้

Saturday, June 18, 2011

บันไดตามหลักฮวงจุ้ย


สมัยโบราณการสร้างบ้านใหม่เรื่องทิศทางเป็นเรื่องสำคัญ ในอันดับแรกเลยทีเดียวที่จะต้องพูดถึง โดยเฉพาะการสร้างบันไดบ้านนั้นใส่ใจเป็นพิเศษ หลักของการสร้างบันไดบ้านให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยนั้น มีดังนี้

- การสร้างบันได บันไดบ้านจะต้องหันไปทิศเหนือหรือทิศตะวันออกเท่านั้น ไม่ควรหันบันไดไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากทิศตะวันตกเป็นทิศที่แสงลงในตอนเย็น โบราณท่านว่าหากลงบันไดแล้วมีแสงแดดย้อนเข้านัยตา จะทำให้เราตกบันไดได้ง่ายๆ

- ส่วนขั้นบันได หรือลูกนอน จะต้องเป็นเลขคี่เสมอ เพื่อให้ลูกตั้งหรือจำนวนก้าว ที่ขึ้นบันไดเป็นเลขคู่เสมอ เพราะการก้าวขึ้นบันไดอย่างเร็วๆ นั้นจะต้องก้าวขึ้นทีละ ๒ ขั้น หากการก้าวแบบเร็วๆแล้วบันไดขั้นสุดท้ายเหลือเพียงขั้นเดียว ก็อาจจะทำให้ผู้เดินหกล้มศีรษะขมำได้

ตามหลักฮวงจุ้ยในเรื่องบันไดนั้น บ้านที่ดีควรจะมีบันไดที่กว้างใหญ่ มั่นคง สวยงาม และไม่ควรเปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วมาพบเจอกับบันใดบ้านเลย บันไดควรจะอยู่ในส่วนที่ปิดมิดชิดพอควร เพื่อป้องกันสายตาของคนภายนอกที่จะมองทะลุเห็นไปถึงชั้นบน จะกลายเป็นช่องทางให้ขโมยขึ้นบ้านได้ง่าย บันใดสำหรับคนอยู่อาศัยเมื่อเดินขึ้นไปจากขั้นล่างถึงชั้นบนสุด ควรนับให้ลงเลขคี่ เพราะถ้าได้เลขคี่ที่สวยงามด้วยแล้ว ก็จะเป็นตัวบ่งบอกถึงสภาพหน้าที่การงานของคนอยู่ได้ เหตุที่ขั้นบันใดห้ามเป็นเลขคู่ เพราะคนสมัยโบราณจะถือเลขมงคล ถ้าเป็นเลขคี่จะหมายถึงคนเป็น ส่วนเลขคู่จะหมายถึงคนตาย

ดังนั้นก่อนที่จะสร้างบ้านอย่าลืมให้ความสำคัญกับฮวงจุ้ยบันไดด้วย ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่เพื่อที่ลูกหลานและคนที่อยู่อาศัยภายในบ้านจะได้อยู่กันอย่างเป็นสุข เราก็ไม่ควรจะละเลยเรื่องเหล่านี้ไป

Saturday, June 4, 2011

วิธีเช็ดกระจกให้ใสปิ๊ง


การเช็ดกระจกบ้านนี่ถือได้ว่าเป็นงานหินอีกงานหนึ่งเหมือนกัน ตอนเราเช็ดถ้าเราไม่รู้วิธีการเช็ดกระจกให้ใสอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ เช็ดแล้วเช็ดอีกยังไงก็ไม่ใส แถมบางครั้งยังเหมือนไปเพิ่มรายด่างให้กับกระจกอีกต่างหาก หลังจากที่ลองผิดลองถูกมาหลายวิธีแล้ว จึงสรุปวิธีที่ได้ผลดีที่สุดเอามาฝากไปลองเอาวิธีเช็ดกระจกให้ใสวิธีนี้ไปใช้กันดูนะคะ

ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 แค่นี้ก็จะได้น้ำยาเช็ดกระจกแล้วค่ะ จากนั้นนำผ้าสะอาดมาชุบลงในน้ำยาแล้วจึงนำไปเช็ดกระจก หรือจะใช้วิธีกรอกน้ำยานี้ลงไปในกระบอกฉีด แล้วจึงนำไปฉีดลงบนกระจก เสร็จแล้วค่อยใช้ผ้าสะอาดเช็ดอีกที แค่นี้เราก็จะได้กระจกที่ใสปิ๊งได้เหมือนๆ กันเลยค่ะ แต่ในระหว่างที่เราเช็ดถูกระจกนั้น อาจจะเกิดคราบจากน้ำที่เช็ดได้ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะง่ายๆ เพียงแค่นำแอลกอฮอล์มาเช็ดคราบนั้นออกแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดซ้ำอีกที ให้เช็ดคราบออกก่อนด้วยแอลกอฮอล์ แล้วค่อยเช็ดซ้ำอีกที แค่นี้เราก็จะได้กระจกที่ใสปิ๊งได้เหมือนๆ กันเลยค่ะ เช็ดกระจกได้ใสขนาดนี้ แต่ระวังนะคะเดี๋ยวกระจกใสจนคนอื่นมองไม่เห็นกระจกแล้วจะเดินชนจนกระจกแตกได้นะคะ 555

Friday, June 3, 2011

เทคนิคการเลือกรูปภาพแต่งห้องนอน


ห้องนอนเป็นห้องที่ใช้สำหรับพักผ่อนนอนหลับ รูปภาพที่เหมาะสมสำหรับนำมาแต่งห้องนอนจึงควรเป็นภาพที่มีความนุ่มนวล เช่น ภาพดอกไม้ สวนดอกไม้ เพราะภาพประเภทนี้จะแทนความหมายของความรักและความอบอุ่น ถ้าหากคิดจะติดภาพน้ำในห้องนอน ในทางหลักฮวงจุ้ยแล้วจะห้ามเอาไว้ว่า ห้ามนำภาพเหล่านี้มาติดบริเวณหัวนอน เพราะจะถือว่าชี่น้ำไหลลงหัว จะทำให้คนที่นอนห้องนี้รู้สึกไม่สบายได้ง่าย
ส่วนภาพที่ไม่ควรนำมาติดไว้ในห้องนอน ก็จะเป็นภาพบุคคล ภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาพอาคารบ้านเรือน หรือภาพเกี่ยวกับเครื่องจักรเครื่องยนต์ รวมไปถึงภาพประเภท “แอ๊บสแทร็ค”(abstract) ที่ดูไม่รู้เรื่อง จะต้องมีการตีความกันหลายตลบ ภาพอย่างนี้ก็ไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน เพราะห้องนอน สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนแล้ว ต้องการความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สบายใจ ไม่ควรมองเห็นสิ่งที่ต้องทำให้ใช้สมองคิดมากเกินไป

Thursday, June 2, 2011

วิธีกำจัดคราบสบู่ในห้องน้ำ


เวลาห้องน้ำเลอะด้วยคราบสบู่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ เข้าคราบจะฝังแน่นทำความสะอาดยาก สำหรับผู้ที่ไม่รู้เคล็ดลับวิธีกำจัดคราบสบู่ในห้องน้ำส่วนใหญ่มักจะใช้น้ำยาที่ส่วนผสมของสารเคมีขจัดคราบชนิดรุนแรงมาทำความสะอาด ผลที่ได้คุณอาจจะสูญเสียยาแนวไปเลยและที่สำคัญกระเบื้องของคุณก็จะเสียความเงางามไปด้วย เรามีวิธีกำจัดคราบสบู่ในห้องน้ำแบบง่ายๆ และประหยัดมาฝากค่ะ เพียงแค่นำใยขัดที่เนื้อไม่หยาบมาก มาชุบน้ำให้เปียกแล้วนำไปแตะผงซักฟอกเล็กน้อย ไปขัดบนพื้นห้องน้ำที่เปียก เพียงคุณขัดเบาๆ คราบของสบู่ก็จะออกจนเกลี้ยง แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า แค่นี้คุณก็จะได้ห้องน้ำที่สะอาดแถมพื้นกระเบื้องของคุณก็จะมีความเงางามอีกด้วยค่ะ ลองเอาเคล็ดลับวิธีกำจัดคราบสบู่ในห้องน้ำแบบง่ายๆ ไปลองใช้ดูนะคะ รับรองว่าคุณจะไม่เปืองเงินซื้อน้ำยาขจัดคราบราคาแพงๆ มาใช้อีกแน่นอนค่ะ

Monday, May 30, 2011

วิธีดูแลหลังคาโปร่งแสง


สำหรับบ้านที่เลือกใช้หลังคาโปร่งแสง เพื่อเปิดรับแสงสว่างเข้ามาในบ้าน จากบ้านที่ดูมืดทึบพอติดหลังคาโปร่งแสงเข้าไปแล้ว จะช่วยให้บ้านดูสว่างขึ้นได้มากโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงไฟฟ้าให้เปลืองค่าไฟอีก แต่ปัญหาของหลังคาโปร่งแสงก็คือ เมื่อเราใช้งานนานๆ ไป จะสังเกตเห็นว่าหลังคาที่เคยโปร่งแสงที่นำพาแสงสว่างเข้าสู่บ้านเรา ก็เริ่มลดความโปร่งแสงลงเรื่อยๆ ทำให้แสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาได้น้อยลง ดังนั้นการดูแลหลังคาโปร่งแสงอยู่อย่างสม่ำเสมอจึงถือเป็นเรื่องจำเป็นมา

วิธีดูแลหลังคาโปร่งแสง
- เราต้องเริ่มจากการลงมือทำความสะอาดหลังคาโปร่งแสงของเรา เพราะว่าเมื่อเวลาผ่านไปคราบฝุ่นและคราบต่างๆ ก็จะไปเกาะจับบริเวณหลังคาทำให้ความสามารถในการรับแสงน้อยลง เพราะเมื่อมีฝุ่นหนาติดอยู่หลังคาก็จะขุ่น แสงก็ไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาในตัวบ้านได้ การทำความสะอาดให้ใสอยู่ตลอดเวลาก็จะช่วยให้หลังคาโปร่งแสงกลับมาใช้งานได้ตามเดิม ทำให้แสงผ่านเข้ามาได้มากขึ้น

- หลังคาโปร่งแสงหลายชนิดทำมาจากวัสดุที่เป็นโพลิเมอร์ ดังนั้น ถึงแม้เราจะหมั่นทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอแล้ว แต่เมื่อเราใช้งานเป็นเวลานานๆ วัน ก็ยังเกิดความขุ่นมัวขึ้นได้ตามอายุการใช้งาน เพราะการได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์อยู่ทุกวัน ประสิทธิภาพก็จะเริ่มเสื่อมลง หากไม่สามารถปรับปรุงหรือทำความสะอาดหลังคาให้กลับมาใสได้เหมือนเดิมแล้วนั้น ขอแนะนำให้ทำการเปลี่ยนหลังคาใหม่จะดีกว่า เพราะหลังคาประเภทนี้จะมีอายุของการใช้งานอยู่เหมือนกัน แต่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นบริเวณที่รับแสงแดดได้มากน้อยแค่ไหน

วิธีขจัดกลิ่นเหม็นสีทาบ้าน


หากใครอยากจะทาสีห้องใหม่ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศของห้องให้ดูแปลกใหม่สดใสซ่าบซ่ากว่าเดิม แต่ก็มีปัญหากลัวว่าห้องจะมีแต่กลิ่นเหม็นของสี สุดท้ายจะทนอยู่ไม่ได้พาลจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน เพราะกลิ่นสีใหม่ที่ทาห้องนี้จะอยู่ติดทนนานไปอีกหลายวันเลยทีเดียว วันนี้เรามีวิธีขจัดกลิ่นเหม็นสีทาบ้านมาฝากค่ะ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเพียงแค่ก่อนที่จะลงมือทาสีนำน้ำวานิลลามาผสมสี โดยสัดส่วนการผสม ใช้น้ำวานิลลา 1 ช้อนชาต่อสี 1 แกลลอนคนให้เข้ากัน แล้วจึงนำสีไปทาในห้องที่ต้องการเปลี่ยนสีใหม่ เพียงวิธีขจัดกลิ่นเหม็นสีทาบ้านแค่นี้แหละค่ะเราก็จะหมดปัญหากลิ่นเหม็นในห้องสวยๆ ของเราแล้วค่ะ