Monday, July 18, 2011

เทคนิคการเลือกใช้ก๊อกน้ำภายในบ้าน


เทคนิคการเลือกใช้ก๊อกน้ำภายในบ้าน
ก๊อกน้ำถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญภายในบ้านแล้วยังเป็นของตกแต่งบ้านเพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับบ้านได้อีกด้วย เพราะด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์และราคาที่แตกต่างกันไป ก๊อกน้ำที่ใช้งานในบ้าานแต่ละจุดจึงไม่เหมือนกัน ซึ่งจะแล้วแต่ประโยชน์ใช้สอยในหลายๆ กิจกรรมภายในบ้าน ก๊อกน้ำจะถูกแบ่งตามประเภทการใช้สอยได้ดังนี้คือ

1. ก๊อกสำหรับอ่างล้างหน้า เอาไว้ใช้ภายในห้องน้ำจะมี 3 ชนิดคือ ก๊อกเดี่ยว ก๊อกผสมรูเดี่ยว และก๊อกผสมเซ็นเตอร์

2. ก๊อกอาบน้ำ เป็นก๊อกที่ใช้ในห้องน้ำ เช่น ฝักบัว การเลือกใช้ฝักบัวสายอ่อนจะทำให้ก๊อกน้ำจะหมุนได้รอบตัว สายฝักบัวจะไม่บิดงอเวลาอาบน้ำ

3. ก๊อกซิงค์ เป็นก๊อกที่ต่อกับซิงค์น้ำในครัว หรือตามเคาน์เตอร์บาร์ มีทั้งแบบที่เปิดใช้น้ำเย็นอย่างเดียวหรือทั้งน้ำร้อน-น้ำเย็น

4. ฟลัชวาล์ว เป็นก๊อกน้ำที่ทำงานเกือบกึ่งอัตโนมัติ ใช้ประกอบกับโถส้วม และโถปัสสาวะ เมื่อเปิดน้ำโดยการเปิดฟลัช น้ำจะหยุดไหลเองโดยอัตโนมัติ

5. ก๊อกน้ำชำระ

6. ก๊อกเดี่ยว ใช้ ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ มักจะนิยมต่อไว้ภายนอกบ้าน

คุณสมบัติของก๊อกน้ำที่มีคุณภาพ

1. ต้องทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี และควรทำจากมาทองเหลือง

2. เคลือบด้วยโครเมี่ยม มีลักษณะเป็นมันวาว ทนทานต่อสารเคมีและรอยขีดข่วนได้ดี

3. มีซิลยางและแหวนยางในตัวก๊อก เพราะจะทนต่อการใช้งาน ไม่มีการรั่วซึม

4. หัวก๊อกฝักบัวที่ดีควรมีการป้องกันการบิดงอของสาย โดยหัวก๊อกจะต้องหมุนได้ 380 องศา

5. ก๊อกน้ำที่ประหยัดน้ำ จะต้องมีระบบการเปิดปิดเพียงรอบเดียวเท่านั้น

Tuesday, July 12, 2011

ต้องพิจารณาอะไรบ้างหากเลือกติดตั้งตู้ "Built in"


เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกติดตั้งตู้ "Built in" ก็เพื่อความสวยงามและประหยัดพื้นที่ภายในบ้าน แต่ยังมีอีกหลายปัญหาที่คุณยังไม่รู้หากคุณยังไม่ได้ใช้งานจริงๆ วันนี้เราจึงมีข้อที่ควรพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลือกติดตั้งตู้แบบ "Built in" มาฝาก ลองนำไปพิจารณาดูเพื่อจะได้ตู้แบบ "Built in" ที่ลงตัวและได้ดั่งใจคนใช้งานจริงๆ

1. ตู้แบบ "Built in" สามารถติดตั้งได้ทุกๆ ส่วนของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวผนังเรียบ, มุมห้อง, ผนังโค้ง หรือบนเพดาน และสามารถออกแบบได้หลากหลายตามความชอบของแต่ละคน

2. ทำให้เกิดความสวยงามและทำความสะอาดได้ง่าย เพราะตู้แบบ " Built in " จะไม่มีซอกหลืบระหว่างผนังกับตู้ หรือใต้ตู้กับพื้นห้อง

3. ในการเลือกจัดวางตำแหน่งตู้แบบ " Built in " หากเลือกได้ลงตัวจะช่วยให้ภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น

4. ตู้แบบ "Built in" สามารถออกแบบเพื่อให้เก็บสิ่งของได้หลากหลายขึ้น และตรงกับจุดประสงค์ที่ใช้งานได้มากกว่า ซึ่งต้องเลือกออกแบบไว้ใช้เก็บหนังสือ,เสื้อผ้า,ของเล่นเด็กๆ,รองเท้า,
ของจิปาถะทั่วไป หรือของที่มีไว้โชว์ก็ได้

5. หากมีความต้องการที่จะติดตั้งไฟฟ้าในตู้แบบ "Built in" ควรมีการออกแบบตั้งแต่แรก เพราะหากคิดจะมาติดตั้งไฟฟ้าในภายหลัง จะทำได้ลำบาก และอาจดูไม่สวยงามมากนัก

6. หากเลือกใช้ตู้แบบ "Built in" จะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานในภายหลังอีกแล้ว เพราะเป็นเรื่องยากมากหากจะทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบหลังจากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว

7. การทำ "Built in" จะส่งผลกระทบต่อบริเวณผนังที่ทำการติดตั้ง เช่น ห้องที่ติด Wall Paper มีบัวเชิงผนังแล้ว หากมีการทำ "Built in" จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดความเสียหายได้

8. เรื่องสุดท้าย คือเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งจะต้องมีมากกว่าตู้แบบสำเร็จที่ยกมาตั้งได้เลย และในการติดตั้งอาจจะไปกระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆ ของบ้าน อาจจะทำให้ต้องเสียค่าซ่อมแซมในส่วนอื่นๆ ตามมาอีก

Friday, July 8, 2011

วิธีทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมัน


พรมปูพื้นในบ้านไม่ว่าห้องนอนหรือห้องรับแขก หากเปื้อนคราบน้ำมันแล้วเป็นเรื่องยากที่กำจัดออกไปได้ ขืนเราเอาไปซักเองนอกจากคราบน้ำมันจะไม่ออกแล้วยังจะทำให้พรมเสียหายได้ วิธีที่จะทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมันนั้น คุณสามารถทำได้ด้วยการนำเบกกิ้งโซดามาเทลงตรงบริเวณทีเปื้อนคราบน้ำมัน แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง ทีนี้คุณก็นำเครื่องดูดฝุ่นไปดูดตรงบริเวณรอยเปื้อนน้ำมันนั้น แล้วคุณจะพบว่าคราบก็จะติดผงเบกกิ้งโซดาที่ดูดออกไปจนหมด หรืออาจจะจางลงไปได้ นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมันได้และไม่ไปทำลายพรมแสนสวยของคุณ

Tuesday, July 5, 2011

วิธีแก้ปัญหาพื้นลื่นและมีน้ำขัง


ก็อย่างที่เคยพูดไว้ว่าหน้าฝนทีไร บ้านมักจะเจอปัญหาจุกจิกตลอดเดี๋ยวฝนสาด เดี๋ยวน้ำขัง ต้องตามแก้ปัญหานั้นทีแก้ปัญหานี้ที แต่ทำไงได้ล่ะก็บ้านของเราเอง ยังไงเราก็ต้องอยู่กับมันเกือบทั้งครึ่งหนึ่งของชีวิตเราเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆ แก้ปัญหากันไปทีละเรื่องก็แล้วกัน อย่างวันนี้ก็เหมือนกันฝนตกมาชนิดไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว ปัญหาที่พบอีกก็คือปัญหาพื้นลื่นแถมมีน้ำขัง เรามาดูวิธีแก้ปัญหาพื้นลื่นและมีน้ำขังกันดีกว่าค่ะ

วิธีแก้ปัญหาพื้นลื่น หากพื้นผิวสัมผัสที่เรียบเกินไปอย่างเช่น กระเบื้อง หิน คอนกรีต ถ้าจะเอาแบบทันใจก็ต้องด้วยวิธีการติดแถบหรือเคลือบน้ำยากันลื่น ส่วนพื้นทางเดินในสวนที่เกิดตะไคร่น้ำ ให้ใช้น้ำยากำจัดตะไคร่น้ำช่วยขัด ก็จะขัดออกได้ง่ายขึ้น แล้วยังช่วยชะลอการเกิดตะไคร่ขึ้นใหม่ด้วย หรือจะแก้ไขด้วยการปูด้วยแผ่นพื้นไม้สำเร็จรูปที่ถอดประกอบได้และมีน้ำหนักเบา โดยเลือกชนิดโครงรองพื้นเป็นพลาสติก ก็จะระบายน้ำและความชื้นได้ดี หากต้องการแก้ปัญหาให้หมดแบบถาวรไปเลย ก็คือหากเป็นพื้นที่อยู่ภายนอกควรใช้วัสดุที่มีลักษณะผิวหยาบปูสลับกับผิวมัน หรือจะออกแบบแนวกันลื่นด้วยการทำผิวทางล้าง กรวดล้าง แล้วเคลือบด้วยน้ำยากันซึม ซึ่งหากการเปลี่ยนวัสดุปูพื้นใหม่ก็ไม่ควรปูทับของเดิม เพราะจะทำให้การยึดเกาะไม่ดี แล้วยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้พื้นมากเกินไป

ส่วนปัญหาน้ำขัง สาเหตุส่วนใหญ่อาจจะเกิดจากพื้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทางระบายน้ำ พื้นทรุด พื้นไม่ลาดเอียง หรือไม่มีทางระบายน้ำ หากเป็นพื้นที่มีน้ำขังมากก็มีความจำเป็นที่จะต้องสกัดผิวหน้าพื้นเดิมออก แล้วเทพื้นใหม่เพื่อปรับระดับ โดยทำพื้นลาดเอียงอย่างน้อย 1 : 200 ไปยังทางระบายน้ำ ทีนี้เราก็จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปัญหาพื้นลื่นและมีน้ำขังให้หมดไปได้ แล้วจะได้มีเวลาไปแก้ปัญหาในจุดอื่นๆ อีกต่อไป 555

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, July 3, 2011

วิธีกำจัดหยากไย่ใยแมงมุม


บ้านที่สะอาดไม่ได้หมายความว่าแค่เช็ดถือพื้นอย่างเดียวก็จะสะอาดแล้ว ควรแหงนขึ้นไปดูบนเพดานหรือว่าตามซอกหลืบด้วยว่ามีหยากไย่หรือใยของแมงมุมบ้างหรือเปล่า การกำจัดใยแมงมุมดูอาจจะเป็นเรื่องง่าย กำจัดแล้วกำจัดอีกบางครั้งก็กำจัดได้ไม่หมด แต่หากเรากำจัดไปหมดแล้วมันก็ยังจะกลับมาชักใยใหม่เหมือนเดิม วันนี้เรามีวิธีกำจัดหยากไย่ใยแมงมุมมาฝาก

สำหรับหยากไย่ที่อยู่ภายในบ้าน ในการจะเริ่มกำจัดหยากไย่สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ ให้หาผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้ดีก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เศษหยากไย่ร่วงลงมาโดน แล้วก็เริ่มมองหาจุดที่หยากไย่ขึ้น แต่ถ้าหากอยู่ในที่สูงให้หาเก้าอี้มาช่วย เลือกเก้าอี้ตัวที่มีความแข็งแรงและมั่นคงเพื่อความปลอดภัย แล้วก็สังเกตุดูว่าบนหยากไย่ยังมีตัวแมงมุม หรือ แมลงอื่น ๆ ที่มีชีวิตติดอยู่กับใยแมงมุมหรือไม่ หากว่ามีเราต้องกำจัดก่อนโดยหาไม้กวาดเล็ก ๆ หรือ ผ้าขี้ริ้วมาช่วยกำจัดออกไปให้หมด ทั้งตัวและไข่ ควรเช็คตามซอกหลืบหรือรอยแตกตามซอกผนังด้วย เพราะถ้าหากกำจัดไม่หมด สัตว์ตัวเล็กเหล่านี้ก็จะกลับมาสร้างใยขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อกำจัดเสร็จแล้วก็ใช้ไม้กวาดสำหรับกวาดหยากไย่ซึ่งจะเป็นไม้กวาดด้ามยาวๆ นำไปชุบน้ำก่อน เพราะจะช่วยทำให้ติดหยากไย่ได้ดียิ่งขึ้น แล้วยังช่วยไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เอาไปกวาดบริเวณที่หยากไย่ขึ้นแค่นี้หยากไย่ก็จะหลุดติดไม้กวาดออกมาอย่างง่ายดาย หากเป็นหยากไย่ที่ขึ้นบริเวณนอกบ้าน ก็เพียงแค่ใช้สายยางฉีดตรงที่มีหยากไย่ขึ้น หยากไย่ก็จะหลุดไปเอง วิธีนี้ก็จะสามารถกำจัดหยากไย่ให้สิ้นซาก ทีนี้หยากไย่ก็จะหมดไปจากบ้านเราแล้วค่ะ

Friday, July 1, 2011

วิธีแก้ปัญหาฝนสาดเข้าหน้าต่าง


หน้าฝนทีไรมีปัญหากลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องฝนสาดเข้าหน้าต่าง ตอนเช้าตื่นขึ้นมาไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกซักนิด เลยเปิดหน้าต่างรับแสงเพราะช่วงหน้าฝนแบบนี้บ้านมักจะเหม็นกลิ่นอับ แต่พอสายหน่อยเท่านั้นแหละฝนเทมาอย่างกับฟ้ารั่ว บางครั้งแถมด้วยลมพัดกรรโชกแรงๆ วิ่งปิดหน้าต่างกันเกือบไม่ทันจนบางทีได้พื้นเปียกๆ เป็นของแถมอีกด้วย เพราะฝนสาดเข้าทางหน้าต่างแล้วยังมีซึมเข้าตามขอบหน้าต่างอีกต่างหาก สำหรับปัญหาเช่นนี้เรามีวิธีแก้ไขได้แบบทันใจมาฝาก ด้วยการให้ช่างมาติดตั้งอุปกรณ์ช่วยปิดเปิดหน้าต่าง ที่สามารถปิดได้โดยไม่ต้องเปิดมุ้งลวด หรือจะทำการติดขอบยางรอบหน้าต่าง ก็ป้องกันน้ำซึมเข้ามาได้ก็จะเป็นวิธีที่ดี

แต่สำหรับวิธีแก้ไขแบบสบายใจถาวร ก็คือให้ช่างมาทำกันสาดยื่นออกไปอีกประมาณ 1-1.50 เมตร และส่วนด้านข้าง ทำกว้างกว่าขอบหน้าต่างข้างละอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันฝนสาดเข้าด้านข้างได้ ส่วนช่องระบายอากาศ หรือหน้าต่างที่มักจะเปิดค้างไว้ ควรจะทำเป็นบานเกล็ดหรือบานกระทุ้ง เพราะจะป้องกันฝนสาดได้ดีกว่าแบบอื่นๆ ส่วนการทำแผงไม้ระแนงด้านที่มีลมแรงมากๆ ก็จะช่วยชะลอแรงลมและความแรงของสายฝนไม่ให้สาดเข้าถึงตัวบ้านได้